Link to Main Content
- ความตัดกันของสี
- ปรับขนาดตัวอักษร
กมธ.อุดมศึกษาฯ จัดสัมมนาเรื่อง “บทบาทสถาบันอุดมศึกษา ต่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทย” เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างมั่นคง ยั่งยืน และเป็นรูปธรรม
กมธ.อุดมศึกษาฯ จัดสัมมนาเรื่อง “บทบาทสถาบันอุดมศึกษา ต่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทย” เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างมั่นคง ยั่งยืน และเป็นรูปธรรม
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 นาฬิกา ณ ห้องพระพรหม ชั้น 3 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ คณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา จัดสัมมนาเรื่อง “บทบาทสถาบันอุดมศึกษา ต่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทย” โดยมี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ประธานคณะกรรมาธิการ เปิดการสัมมนา และรองศาสตราจารย์ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการอุดมศึกษา กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการ ส่วนราชการ และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า การขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา ในช่วงที่ผ่านมามีการพิจารณาศึกษาตามหน้าที่และอำนาจในประเด็นต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาการของการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศโดยรวมตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ ปัจจัยหลักที่จะส่งผลให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพคือความสามารถในการผลิตกำลังคนเพื่อตอบโจทย์ประเทศที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศที่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการผลิตกำลังคนให้เพียงพอในแต่ละพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน สถาบันอุดมศึกษาถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างบุคลากรให้มีคุณภาพสูง มีความรู้ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะในการคิดวิเคราะห์ สามารถปฏิบัติงานได้จริงตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานในแต่ละพื้นที่ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงความต้องการทักษะของตลาดแรงงานกลุ่มอุตสาหกรรมในด้านต่าง ๆ เป็นสำคัญประกอบด้วย เพื่อให้การผลิตอัตราแรงงานตอบโจทย์ตรงตามนโยบายการปฏิรูปการอุดมศึกษาไทยสอดคล้องกับความต้องการของประเทศทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ทั้งนี้ จะได้นำข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์นำไปประกอบการดำเนินการตามภารกิจหน้าที่ในการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการอุดมศึกษา กล่าววัตถุประสงค์การจัดสัมมนาครั้งนี้ว่า เพื่อนำเสนอสถานการณ์ด้านการผลิตบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมการผลิตในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทย ส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม และภาคประชาชนในแต่ละพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษมีความเข้าใจ สนใจ และมีส่วนร่วมกับโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทยในแต่ละพื้นที่สามารถดำเนินการได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
.
สำหรับภายในงานสัมมนามีกิจกรรม อาทิ การบรรยายพิเศษเรื่อง “การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ นโยบายการขับเคลื่อน และเป้าหมาย” เรื่อง “มุมมองหอการค้า : การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ” เรื่อง “มุมมองภาคอุตสาหกรรม : การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ” ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจนำเสนอบทบาทสถาบันอุดมศึกษาต่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทย ประกอบด้วย 1) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง 2) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี และหนองคาย 3) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี และ 4) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ จังหวัดระนอง ชุมพรนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 นาฬิกา ณ ห้องพระพรหม ชั้น 3 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ คณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา จัดสัมมนาเรื่อง “บทบาทสถาบันอุดมศึกษา ต่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทย” โดยมี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ประธานคณะกรรมาธิการ เปิดการสัมมนา และรองศาสตราจารย์ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการอุดมศึกษา กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการ ส่วนราชการ และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า การขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา ในช่วงที่ผ่านมามีการพิจารณาศึกษาตามหน้าที่และอำนาจในประเด็นต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาการของการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศโดยรวมตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ ปัจจัยหลักที่จะส่งผลให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพคือความสามารถในการผลิตกำลังคนเพื่อตอบโจทย์ประเทศที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศที่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการผลิตกำลังคนให้เพียงพอในแต่ละพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน สถาบันอุดมศึกษาถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างบุคลากรให้มีคุณภาพสูง มีความรู้ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะในการคิดวิเคราะห์ สามารถปฏิบัติงานได้จริงตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานในแต่ละพื้นที่ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงความต้องการทักษะของตลาดแรงงานกลุ่มอุตสาหกรรมในด้านต่าง ๆ เป็นสำคัญประกอบด้วย เพื่อให้การผลิตอัตราแรงงานตอบโจทย์ตรงตามนโยบายการปฏิรูปการอุดมศึกษาไทยสอดคล้องกับความต้องการของประเทศทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ทั้งนี้ จะได้นำข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์นำไปประกอบการดำเนินการตามภารกิจหน้าที่ในการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการอุดมศึกษา กล่าววัตถุประสงค์การจัดสัมมนาครั้งนี้ว่า เพื่อนำเสนอสถานการณ์ด้านการผลิตบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมการผลิตในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทย ส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม และภาคประชาชนในแต่ละพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษมีความเข้าใจ สนใจ และมีส่วนร่วมกับโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทยในแต่ละพื้นที่สามารถดำเนินการได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
.
สำหรับภายในงานสัมมนามีกิจกรรม อาทิ การบรรยายพิเศษเรื่อง “การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ นโยบายการขับเคลื่อน และเป้าหมาย” เรื่อง “มุมมองหอการค้า : การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ” เรื่อง “มุมมองภาคอุตสาหกรรม : การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ” ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจนำเสนอบทบาทสถาบันอุดมศึกษาต่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศไทย ประกอบด้วย 1) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง 2) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี และหนองคาย 3) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี และ 4) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ จังหวัดระนอง ชุมพรนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี
