ภาพ - ข่าว

หัวข้อข่าว : ประธานรัฐสภานำคณะผู้แทนรัฐสภาไทยพบปะหารือทวิภาคีกับคณะผู้แทนสภาประชาชนแห่งชาติจีน ระหว่างการประชุมสมัชขาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 141

วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2562 เวลา 17.40 นาฬิกา ณ ห้องประชุม Hall 2/1A ศูนย์การประชุม Sava Centar กรุงเบลเกรด สาธารณรัฐเซอร์เบีย
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 141 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (141st Inter-Parliamentary Union Assembly and related meetings) นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการพบปะหารือกับ นายห่าว หมิงจิน รองประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน

ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเน้นย้ำความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่มีมาอย่างยาวนาน โดยนายชวน หลีกภัย กล่าวแสดงความยินดีแก่ฝ่ายจีนในโอกาสครบรอบ 70 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งตนได้มีโอกาสในการเฉลิมฉลองด้วยการเป็นองค์ปาฐกในงานวันชาติของจีนเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาด้วย โดยตลอด 70 ปีที่ผ่านมา จีนประสบความสำเร็จในการก่อร่างสร้างประเทศและปูทางสู่ความสำเร็จดังเช่นปัจจุบัน ทั้งนี้ นายชวน ได้สอบถามถึงประสบการณ์ทำงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการตรวจตราแห่งประเทศจีน และยังได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับจีนในช่วงที่ผ่านมาสองเหตุการณ์ ได้แก่ เหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวจีนล่มในจังหวัดภูเก็ตอันเป็นโศกนาฏกรรมที่นำมาซึ่งการสูญเสียของชาวจีนกว่าหลายสิบคน ทั้งนี้ประธานรัฐสภา ได้ทำหนังสือแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวถึงเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยด้วย และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือ การตายของแพนด้าที่เปรียบเสมือนทูตทางวัฒนธรรมระหว่างจีนและไทย เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ก็มีเหตุการณ์ที่น่ายินดี คือ การจัดแสดงนิทรรศการสุสานทหารม้า ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพ ที่จัดแสดงหุ่นทหารม้าดั้งเดิมจากเมืองซีอาน โดยนิทรรศการจะจัดขึ้นจนถึงปลายปีนี้ ซึ่งเที้งหมดถือป็นเครื่องยืนยันถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ

ทางด้านนายห่าว หมิงจิน รองประธานสภาประชาชนจีนกล่าวว่า 44 ปีที่จีนและไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายเป็นไปด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันที่พัฒนาขึ้นตามลำดับ โดยไม่ว่าสถานการณ์ของประเทศทั้งสองจะเป็นอย่างไร ทั้งสองฝ่ายก็สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีได้อย่างราบรื่น
ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นานาประเทศได้เห็นผลลัพธ์ของโครงการความริเริ่ม หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiave) ที่ทุกฝ่ายต่างได้รับประโยชน์จากโครงการ และมีแนวโน้มที่จะผลักดันการพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนยิ่งขึ้นไป อีกทั้ง ความร่วมมือในภาคนิติบัญญัติของทั้งสองฝ่าย ที่มีความก้าวหน้าตามลำดับ ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี มีการแลกเปลี่ยนเยี่ยมเยือนระหว่างกันและมีเวทีพูดคุยหารือกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ด้านความสัมพันธ์พหุภาคี ทั้งสองประเทศต่างผลักดันความร่วมมือในองค์กรใหญ่ เช่น สหภาพรัฐสภาอย่างแข็งขัน เพื่อประโยชน์ของประชาคมระหว่างประเทศต่อไป

เครดิตข่าว:
กลุ่มงานสหภาพรัฐสภา
สำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ