• ความตัดกันของสี default black white yellow black
  • ปรับขนาดตัวอักษร smaller default bigger
คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน

ภาพ - ข่าวคณะกรรมาธิการ

 

คณะอนุกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาระบบราชการ และการผังเมือง

     4 มิถุนายน 2563 ที่อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) - พลเรือเอก ศักดิ์สิทธิ์  เชิดบุญเมือง ประธานคณะอนุกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาระบบราชการ และการผังเมือง ในคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาแผนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดินเกี่ยวกับกำลังคนภาครัฐ โดยเชิญผู้แทนจากสำนักงาน ก.พ. เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการได้สอบถามผู้แทน สำนักงาน ก.พ. ใน 2 ประเด็น เกี่ยวกับการบริหารจัดการกำลังพลภาครัฐฝ่ายพลเรือน และการดำเนินการเพื่อลดจำนวนบุคลากรภาครัฐทุกประเภทลงร้อยละ 10 ภายในปี 2565 เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐ สรุปได้ว่า สำนักงาน ก.พ. มีหน้าที่และอำนาจในการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) แต่ไม่ครอบคลุมถึงการจ้างงานประเภทอื่นที่ส่วนราชการจ้าง อาทิ พนักงานจ้างเหมาบริการรายบุคคล หรือลูกจ้างชั่วคราวที่จ้างจากเงินนอกงบประมาณ ส่วนอัตรากำลังขององค์กรกลางบริหารทรัพยากรบุคคลอื่น อาทิ ข้าราชการทหาร ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการรัฐสภา คปร. ดำเนินการได้เฉพาะการให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาเท่านั้น

     ส่วนประเด็นการลดจำนวนบุคลากรภาครัฐทุกประเภทลงร้อยละ 10 ภายในปี 2565 ผู้แทนสำนักงาน ก.พ. กล่าวว่า อาจไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายได้ เนื่องจาก คปร. มีหน้าที่ในการพิจารณากำลังคนภาครัฐเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ครอบคลุมหน่วยงานรัฐทุกประเภท อีกทั้ง รัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้หน่วยงานภาครัฐมีอิสระในการบริหารอัตรากำลังของตนเองไว้เป็นการเฉพาะ จึงส่งผลให้อัตรากำลังคนภาครัฐที่มีอยู่ 2.09 ล้านคน คปร. มีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมเพียงร้อยละ 54 เท่านั้น ขณะเดียวกันยังพบว่ามีส่วนราชการบางหน่วยงานต้องการกำลังคนเพิ่ม อาทิ กระทรวงสาธารณสุข ได้ขอไว้ที่ 40,897 อัตรา จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019     
นอกจากนี้สำนักงาน ก.พ. ยังได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม โดยขอให้คณะกรรมการแผนปฏิรูปฯ เสนอนโยบายด้านกำลังคนต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อกำหนดกรอบแนวทางให้ส่วนราชการนำไปปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน ลดความเหลื่อมล้ำด้านกำลังคน ขณะเดียวกันส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล ควรจัดสรรกำลังคนตามความสำคัญเร่งด่วน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมมือกันกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ร่วมกันในลักษณะองค์รวม ซึ่งเชื่อว่า องค์กรกลาง หากมีเพียงองค์กรเดียว จะมีอิสระในการพิจารณาจัดอัตรากำลังและวางมาตรฐานการบริหารทรัพยากรบุคคล และปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง

     ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวร่วมกับผู้แทนสำนักงาน ก.พ. อาทิ การลดอัตรากำลังคนลงร้อยละ 10 ให้พิจารณาอัตรากำลังที่มีความเหมาะสมเป็นหลัก ในกรณีที่ส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องการอัตรากำลังคนเพิ่ม ก็ควรได้รับสิทธิ์ ขณะเดียวกันช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ทุกหน่วยงานได้มีการปรับตัวและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน ดังนั้น สำนักงาน ก.พ. อาจพิจารณาปรับลดกำลังคนจากสถานการณ์นี้ได้

     จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณารายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. 2561 ของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) พร้อมนัดประชุมครั้งต่อไปในวันพุธที่ 10 มิถุนายน 2563 เวลา 09.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุม 2201 ชั้น 22 อาคารสุขประพฤติ
 

แหล่งข้อมูล

สุดารัตน์ สร้างถิ่น ภาพ/ข่าว/เรียบเรียง