ภาพ - ข่าวคณะกรรมาธิการ

27 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00 นาฬิกา ที่อาคารรัฐสภา (เกียกกาย)  - ว่าที่ร้อยตรี เชิดศักดิ์  จำปาเทศ ประธานคณะอนุกรรมาธิการระบบบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ในคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาการให้สัญชาติไทยแก่คนไทยที่ตกหล่นและกลุ่มชาติพันธุ์ ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระการพิจารณาในประเด็นดังกล่าว ที่ประชุมได้รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดินที่เกี่ยวข้องกับคณะอนุกรรมาธิการ และรับทราบความคืบหน้าคณะทำงานภายในคณะอนุกรรมาธิการ อาทิ กำหนดการโครงการสัมมนาเพื่อพัฒนาทักษะด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ สำหรับผู้เกี่ยวข้องในคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ระหว่างวันพุธที่ 2 และวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน ๒๕๖๓ ณ โรงแรมพินนาเคิล แกรนด์ จอมเทียน รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี พร้อมกันนี้ยังได้พิจารณาความคืบหน้าของเรื่องร้องเรียนที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมาธิการ ซึ่งมีทั้งหมด 18 เรื่อง ยุติการพิจารณาไปแล้ว 9 เรื่อง อยู่ระหว่างการดำเนินการ 9 เรื่อง

จากนั้นที่ประชุมได้เข้าสู่การพิจารณาศึกษาปัญหาการให้สัญชาติไทยแก่คนไทยที่ตกหล่นและกลุ่มชาติพันธุ์ โดยกรมการปกครองได้สรุปข้อมูลแนวทางการดำเนินงานให้สัญชาติไทยกับคนไทยตกหล่นและแนวทางการดำเนินงานให้สัญชาติไทยกับกลุ่มชาติพันธุ์ 5  ประเด็น ดังนี้ ข้อมูลคนไทยตกหล่น / แนวทางการแก้ไขปัญหาสถานะให้กับคนไทยที่ตกหล่นทางทะเบียนราษฎร / ปัญหาอุปสรรค / กลุ่มชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ 19 กลุ่ม รวมถึงบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนซึ่งรัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาเรื่องสถานะบุคคลและสัญชาติอีก 3 กลุ่ม / นโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและสัญชาติ สำหรับคนไร้รัฐไร้สัญชาติของประเทศไทย ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการ จะติดตามในรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้งจากกระทรวงมหาดไทย

สำหรับการพิจารณาศึกษาและติดตามแผนการพัฒนาจังหวัด ที่มีความคล่องตัวในการบริหารระบบงาน ระบบเงิน และระบบกำลังคน (จังหวัดที่มีผลสัมฤทธิ์สูง : High Performance) ใน 6 จังหวัดนำร่อง โดยสรุปประเด็นที่ได้จากการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมาว่า คณะกรรมาธิการมีข้อเสนอแนะใน 4 ประเด็น ซึ่งจะเสนอแนะในการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณารายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนมกราคม - มีนาคม 2563) ดังนี้
1. ให้ ก.พ.ร. ทำหหนังสือแจ้งเวียน 11 ประเด็น ไปยัง 76 จังหวัด เพื่อให้ทุกจังหวัดรับทราบโดยทั่วกัน หากมีข้อเสนอให้แจ้งกลับมา และหากประเด็นใดสามารถดำเนินการได้ ให้ดำเนินการไปพร้อมกับจังหวัด 6 นำร่อง
2. ใน 11 ประเด็น ควรกำหนดให้ปฏิบัติทุกประเด็น ไม่ควรให้เลือกทำเพียง 2 – 3 ประเด็น ทั้งนี้ หากมีปัญหาอุปสรรคใด ให้จังหวัดจัดทำเป็นข้อเสนอแนะ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานของส่วนกลาง
3. 6 จังหวัดนำร่อง ควรเดินหน้าพัฒนาประเด็น One Stop Service ไปพร้อมกันทุกอำเภอ ซึ่งจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอำเภอ อาจมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์
4. การรายงานครั้งต่อไป ก.พ.ร. ควรรายงานความคืบหน้าทั้ง 11 ประเด็น เพื่อให้สะดวกต่อการติดตาม เนื่องจากจะเห็นการพัฒนาในแต่ละด้านอย่างชัดเจน