ภาพ - ข่าวคณะกรรมาธิการ
คณะอนุกรรมาธิการการปรับปรุง พัฒนาระบบ และการบูรณาการฐานข้อมูลในการบริหารราชการแผ่นดินของหน่วยงานของรัฐ
วันที่ 7 สิงหาคม 2563 ที่อาคารสุขประพฤติ – รองศาสตราจารย์ ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการปรับปรุง พัฒนาระบบ และการบูรณาการฐานข้อมูลในการบริหารราชการแผ่นดินของหน่วยงานของรัฐ ในคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาแผนการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการฯ ในระยะถัดไป เพื่อการบูรณาการฐานข้อมูลภาครัฐร่วมกับภาคเอกชนผ่าน “ไทยแลนด์ดิจิทัลแพลตฟอร์ม หนึ่งประเทศหนึ่งแพลตฟอร์ม ใน 5 ประเด็น ดังนี้ ๑. เร่งดำเนินการผลักดัน “ไทยแลนด์ดิจิทัลแพลตฟอร์ม หนึ่งประเทศหนึ่งแพลตฟอร์ม” เป็นวาระแห่งชาติ 2. เร่งติดตามและกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อสร้างองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการพัฒนา “ไทยแลนด์ดิจิทัลแพลตฟอร์ม หนึ่งประเทศหนึ่งแพลตฟอร์ม” 3. ผลักดันแผนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเป้าหมายไปสู่ไทยแลนด์ ๕.๐ 4. ผลักดันให้เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการเร่งด่วน (Quick Win) 5. ติดตามโครงการศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ หมายเลข ๑๙๑
พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงข้อดีที่ประชาชน/รัฐบาล/และภาคเอกชน ได้รับจากไทยแลนด์ดิจิทัลแพลตฟอร์ม อาทิ ประชาชน จะได้รับบริการแบบ One Stop Service ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางติดต่อหน่วยงาน ได้รับประโยชน์จากสวัสดิการภาครัฐที่พึงได้ ลดการเหลื่อมล้ำด้านบริการภาครัฐ ขณะที่รัฐบาล จะสามารถลดขนาดองค์กร ลดเจ้าหน้าที่ที่คอยให้บริการประจำหน่วยงาน ลดงบประมาณซ้ำซ้อนในการพัฒนาระบบ สามารถบูรณาการข้อมูลร่วมกันได้รัฐกับรัฐ และรัฐกับเอกชน
สำหรับภาคธุรกิจและภาคเอกชน จะได้รับประโยชน์จากไทยแลนด์ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ดังนี้ 1.ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก / 2. สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุน / 3. ลดข้อกล่าวหาจากต่างประเทศ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิมนุษยชน / 4. เพิ่มรายได้ให้ประเทศได้ด้วยการส่งเสริมการค้าในธุรกิจชุมชน จนถึงธุรกิจระหว่างประเทศ / 5. สร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับระดับ SMEs ลดต้นทุนในการบริหารธุรกิจ / และ 6. ยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการภายในประเทศไปสู่ระดับนานาชาติได้
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาพิจารณาการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัด การดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ประเด็นปฏิรูปที่ ๑ บริการภาครัฐ สะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ชีวิตประชาชน กลยุทธ์ที่ ๑ เพิ่มสมรรถนะของหน่วยงานของรัฐในการตอบสนองต่อประชาชนในสถานการณ์หรือภาวะฉุกเฉินแผนงานบูรณาการเลขหมายแจ้งเหตุฉุกเฉินให้เหลือเพียงหมายเลขเดียว เพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายเหตุฉุกเฉินได้ทุกเรื่อง (เหตุฉุกเฉิน ๑๙๑ เข้าถึงทุกเรื่อง) โดยศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบ ในต่างประเทศ ประกอบด้วย ประเทศสหรัฐอเมริกา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐสิงคโปร์ และประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
พร้อมกับพิจารณาติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัด รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนมกราคม – มีนาคม ๒๕๖๓) และพิจารณาให้ความเห็นและข้อเสนอแนะรายงานการพิจารณาศึกษาและติดตามความคืบหน้า เรื่อง การจัดการสารสนเทศในกระบวนการยุติธรรมของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และตำรวจ พร้อมนัดประชุมครั้งต่อไปในวันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (ส.ว.) อาคารรัฐสภา (เกียกกาย)
พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงข้อดีที่ประชาชน/รัฐบาล/และภาคเอกชน ได้รับจากไทยแลนด์ดิจิทัลแพลตฟอร์ม อาทิ ประชาชน จะได้รับบริการแบบ One Stop Service ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางติดต่อหน่วยงาน ได้รับประโยชน์จากสวัสดิการภาครัฐที่พึงได้ ลดการเหลื่อมล้ำด้านบริการภาครัฐ ขณะที่รัฐบาล จะสามารถลดขนาดองค์กร ลดเจ้าหน้าที่ที่คอยให้บริการประจำหน่วยงาน ลดงบประมาณซ้ำซ้อนในการพัฒนาระบบ สามารถบูรณาการข้อมูลร่วมกันได้รัฐกับรัฐ และรัฐกับเอกชน
สำหรับภาคธุรกิจและภาคเอกชน จะได้รับประโยชน์จากไทยแลนด์ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ดังนี้ 1.ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก / 2. สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุน / 3. ลดข้อกล่าวหาจากต่างประเทศ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิมนุษยชน / 4. เพิ่มรายได้ให้ประเทศได้ด้วยการส่งเสริมการค้าในธุรกิจชุมชน จนถึงธุรกิจระหว่างประเทศ / 5. สร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับระดับ SMEs ลดต้นทุนในการบริหารธุรกิจ / และ 6. ยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการภายในประเทศไปสู่ระดับนานาชาติได้
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาพิจารณาการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัด การดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ประเด็นปฏิรูปที่ ๑ บริการภาครัฐ สะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ชีวิตประชาชน กลยุทธ์ที่ ๑ เพิ่มสมรรถนะของหน่วยงานของรัฐในการตอบสนองต่อประชาชนในสถานการณ์หรือภาวะฉุกเฉินแผนงานบูรณาการเลขหมายแจ้งเหตุฉุกเฉินให้เหลือเพียงหมายเลขเดียว เพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายเหตุฉุกเฉินได้ทุกเรื่อง (เหตุฉุกเฉิน ๑๙๑ เข้าถึงทุกเรื่อง) โดยศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบ ในต่างประเทศ ประกอบด้วย ประเทศสหรัฐอเมริกา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐสิงคโปร์ และประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
พร้อมกับพิจารณาติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัด รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนมกราคม – มีนาคม ๒๕๖๓) และพิจารณาให้ความเห็นและข้อเสนอแนะรายงานการพิจารณาศึกษาและติดตามความคืบหน้า เรื่อง การจัดการสารสนเทศในกระบวนการยุติธรรมของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และตำรวจ พร้อมนัดประชุมครั้งต่อไปในวันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (ส.ว.) อาคารรัฐสภา (เกียกกาย)
แหล่งข้อมูล
สุดารัตน์ สร้างถิ่น ภาพ/ข่าว/เรียบเรียง