วันที่ 10 มีนาคม 2563 เวลา 09.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุม 2205 ชั้น 22 อาคารสุขประพฤติ คณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ที่มี นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกรมสรรพสามิต เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีผู้ประกอบการสุราพื้นบ้านขนาดเล็กหรือวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากข้อกฎหมาย
นายธิบดี วัฒนกุล ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมสรรพาสามิต ชี้แจงว่า กฎหมายหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการผลิตสุราที่ประกาศใช้อยู่ในปัจจุบันไม่เป็นอุปสรรคต่อการผลิตสุราพื้นบ้าน โดยผู้ขออนุญาตผลิตสุรากลั่นชุมชนสามารถนำวัตถุดิบทางการเกษตรมาแปรรูปผลิตเป็นสุราได้ด้วยการรวมกลุ่มกันเป็นคณะบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด และต้องมีสถานที่ที่ใช้ผลิตสุรากลั่นตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเมื่อได้รับใบอนุญาตผลิตสุราจากกรมสรรพสามิตแล้วต้องผลิตสุราให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่ทางราชการกำหนด ปราศจากสารปนเปื้อนและสิ่งเจือปนตามมาตรฐานสุรากลั่น โดยต้องบรรจุในภาชนะที่เหมาะสม ปิดฉลากและอักษรคำเตือนตามข้อกำหนด อีกทั้ง ต้องชำระภาษีตามอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยต้องปิดและขีดฆ่าแสตมป์สุราให้ถูกต้องก่อนนำสุราส่งออกจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งจะเห็นได้ว่าจากหลักเกณฑ์ดังกล่าวทางราชการไม่ได้กีดกันแต่เป็นการกำหนดนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจในชุมชนที่ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพของสุราที่ผลิตได้ รวมถึงความมีวินัยต่อหน้าที่ในการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ส่วนมาตรการในการควบคุมการผลิตสุรากลั่นชุมชนนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ออกตรวจสภาพโรงงาน แนะนำกระบวนการผลิต เก็บตัวอย่างสุราส่งตรวจวิเคราะห์คุณภาพ กำกับติดตามการชำระภาษีและปิดแสตมป์ให้เป็นไปตามระเบียบเพื่อป้องกันไม่ให้มีสุราที่ผลิตแบบผิดกฎหมายแย่งตลาดการจำหน่ายสุรากลั่นชุมชนที่ผลิตอย่างถูกต้อง
ด้านนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาศึกษาและจัดทำข้อเสนอต่าง ๆ ไปยังรัฐบาล เนื่องจากมองว่าหากสามารถส่งเสริมสุราพื้นบ้านของไทยอย่างถูกกฎหมายได้ จะส่งผลดีทั้งภาครัฐที่จะสามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้ และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล