• ความตัดกันของสี default black white yellow black
  • ปรับขนาดตัวอักษร smaller default bigger

การประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน การคลังและการค้า

วันที่ 7 เมษายน 2562 เวลา 14.30 - 18.30 นาฬิกา ณ ห้อง Salwa 2 ศูนย์ประชุม Sheraton Convention Center กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ คณะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประกอบด้วย นายวรพล โสคติยานุรักษ์ ในฐานะกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน การคลังและการค้า พร้อมด้วย และนางเสาวณี สุวรรณชีพ ได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน การคลังและการค้า โดยที่ประชุมได้อภิปรายและแก้ไขร่างข้อมติในหัวข้อ “บทบาทของการค้าและการลงทุนที่เป็นธรรมและเสรี เพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมที่ยั่งยืน (The role of fair and free trade and investment in achieving the SDGs, especially regarding economic equality, sustainable infrastructure, industrialization and innovation)”
     โอกาสนี้ นายวรพล โสคติยานุรักษ์ ได้กล่าวอภิปรายต่อร่างข้อมติว่า ประเทศไทยเห็นด้วยกับร่างข้อมติในหลายประเด็น อาทิ ความสำคัญของการเปิดเสรีทางการค้าพหุภาคีและการลงทุนภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) การค้าและการลงทุนที่เสรีและเป็นธรรมเป็นแนวทางไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน บทบาทที่สำคัญของรัฐสภาในการตรวจสอบและทบทวนการเตรียมการด้านการค้าและการลงทุน ตลอดจนในการจัดทำกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกด้านโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรม นอกจากนี้ ร่างข้อมติยังเน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของสตรี เยาวชนและกลุ่มคนเปราะบาง รวมถึงการค้าและการลงทุนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดี เราเห็นว่ายังมีบางประเด็นที่ควรให้ความสนใจ ได้แก่ ประการแรก หน่วยงานที่รับผิดชอบควรให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเพื่อให้สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลได้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งจำเป็นต้องสร้างความตระหนักรู้และสร้างเสริมความรู้ทางดิจิทัลและการเงินให้แก่กลุ่มคนเหล่านั้น และได้รับโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกัน ตัวอย่างเช่น ประเทศไทยได้จัดวางโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อให้บริการประชาชนในหมู่บ้านห่างไกล ซึ่งมีประชาชนกว่า 3 ล้านคนทั่วประเทศได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ ประการที่สอง ควรมีการส่งเสริมการถ่ายโอนความรู้และเทคโนโลยีระหว่างประเทศเพื่อร่วมกันพัฒนาความสามารถทางนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างงานและความอยู่ดีมีสุขของประชาชนในประเทศต่างๆ
     นอกจากนี้ ยังมีอีกประเด็นที่เราควรเน้นย้ำ คือ การจัดทำนโยบายและกฎระเบียบทางดิจิทัลที่เป็นสากลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและประกันความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากว่ารูปแบบการค้าและการลงทุนได้เปลี่ยนไปเป็นรูปแบบเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น รวมทั้งจะส่งเสริมให้เกิดการค้าและการลงทุนที่เสรีและเป็นธรรมในยุคดิจิทัล ประการสุดท้าย สมาชิกรัฐสภาจำเป็นต้องแสดงบทบาทสำคัญในการพัฒนากรอบกฎหมายของประเทศเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันเพื่อการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืนมากขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อทุกคน