ข่าวสาร

 วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ณ ห้องรับรอง ชั้น 25 อาคารสุขประพฤติ ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้การรับรอง H.E. Mr. Ganesh Prasad Dhakal เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง โดยมี
 นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง
 นางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ สมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ
 และนายนัฑ ผาสุข เลขาธิการวุฒิสภา ร่วมให้การรับรอง
 ประธานวุฒิสภาฯ ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและเนปาลที่ดำเนินการมาอย่างราบรื่นเป็นเวลา 61 ปี และมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยาวนานมากว่า 2,000 ปี รวมทั้งมีความคล้ายคลึงกันทางด้านศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาของทั้งสองประเทศได้มีการจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาระหว่างกัน ทั้งนี้การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ที่ดีของฝ่ายนิติบัญญัติทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งชื่นชมที่เนปาลเป็นประเทศที่มีความสวยงามทั้งด้านธรรมชาติ ประเพณีและวัฒนธรรมที่หลากหลาย องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนสถานที่สี่แห่งในเนปาลเป็นมรดกโลก คือ หุบเขากาฐมาณฑุ ลุมพินี อุทยานแห่งชาติจิตวาน และอุทยานแห่งชาติซากามาทา โดยนักท่องเที่ยวไทยชื่นชอบเดินทางไปท่องเที่ยวเนปาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งลุมพินีเพื่อไปสักการะสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ทั้งนี้ ไทยและเนปาลควรส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น โดยไทยพร้อมให้การสนับสนุนความร่วมมือกับเนปาล โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเอเชียและเอเชียใต้ ด้านการลงทุนมีบริษัทของไทยหลายบริษัทที่เข้าไปลงทุนในเนปาลซึ่งเป็นอุตสาหกรรมด้านการบริการ อาทิ เครือดุสิตธานี
 โอกาสนี้ ประธานวุฒิสภาฯ ได้แสดงความห่วงใยไปยังประชาชนเนปาลที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่าการควบคุมไวรัสโควิด–19 จะประสบความสำเร็จได้ นั้น ทุกประเทศจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังและทำงานร่วมกันกับประเทศที่ได้รับผลกระทบ
 นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือในการส่งเสริมความสัมพันธ์พหุภาคีในกรอบต่าง ๆ ร่วมกัน อาทิ สหภาพรัฐสภา (IPU) สมัชชารัฐสภาเอเชีย (APA) สำหรับความร่วมมือในฝ่ายรัฐบาลมีความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) ที่ทั้งสองฝ่ายมีบทบาทในการดำเนินการอย่างแข็งขันโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ทำให้ไทยและเนปาลมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ด้านต่าง ๆ ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ประธานวุฒิสภาเชื่อมั่นว่าในอนาคตเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาด องไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ดีขึ้นจะมีนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 โดยเอกอัครราชทูตเนปาลกล่าวว่าเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 รัฐบาลเนปาลได้จัดโครงการ Visit Nepal 2020 ขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเนปาล ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้นจะขอเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินไปเยือนเนปาลสักครั้งหนึ่งในชีวิตเพราะเนปาลมีทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงาม ตลอดจนมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เป็นจุดเด่นของการท่องเที่ยวของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองลุมพินีวันซึ่งเป็นหนึ่งในสี่พุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญของชาวพุทธที่มีคนไทยนิยมเดินทางไปสักการะเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งถือโอกาสขอบคุณประเทศไทยที่ได้สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ในเนปาลเมื่อปี พ.ศ. 2558 ด้วย พร้อมทั้งได้กล่าวขอบคุณประธานวุฒิสภาที่ให้การต้อนรับ และกล่าวชื่นชมรัฐบาลไทยที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด –19 ได้เป็นอย่างดี พร้อมสนับสนุนความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะลุมพินีและยอดเขาเอเวอเรสต์ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย และพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีในทุกระดับเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ