• ความตัดกันของสี default black white yellow black
  • ปรับขนาดตัวอักษร smaller default bigger

คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา รับหนังสือจากนายกสมาคมคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยและภาคีเครือข่าย เพื่อขอให้พิจารณาการเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินสำหรับคนพิการ ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารวุฒิสภา

วันที่ 26 พฤษภาคม 2563 เวลา 11.00 นาฬิกา ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารวุฒิสภา คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา นำโดย นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยสมาชิกกรรมาธิการ และนายมณเฑียร บุญตัน ประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการคนพิการ วุฒิสภา รับหนังสือจากนายสุชาติ โอวาทวรณสกุล นายกสมาคมคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยและภาคีเครือข่าย เพื่อขอให้พิจารณาการเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินสำหรับคนพิการ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) มีคนพิการและครอบครัวจำนวนมากที่ประสบความเดือดร้อน เช่น กลุ่มคนพิการผู้ค้าสลาก กลุ่มหมอนวดพิการ กลุ่มคนพิการนักแสดงในที่สาธารณะ ผู้ดูแลคนพิการและครอบครัวที่ต้องออกจากงานแต่ยังต้องดูแลลูกพิการ เป็นต้น แต่ธนาคารหลายแห่งปฏิเสธไม่ให้คนพิการดังกล่าวทำธุรกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะไม่ให้คนพิการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร ส่งผลให้ไม่สามารถเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่างๆ ของรัฐบาลได้
     ทั้งนี้ นายสุชาติ โอวาทวรณสกุล ส่วนตัวมองว่า การที่ธนาคารปฏิเสธไม่ให้คนพิการเปิดบัญชีเงินฝาก เกิดจากเจตคติและความเชื่อเชิงลบที่ว่าคนพิการไม่สามารถรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยเงินของตนเองได้ และคนพิการไม่มีศักยภาพในการประกอบอาชีพและผ่อนชำระหนี้ เป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ ดังนั้นจึงอยากให้ทางคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมฯ วุฒิสภาช่วยคุ้มครองสิทธิคนพิการ ให้สามารถเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างเท่าเทียม เป็นธรรม ปราศจากการใช้ดุลยพินิจในลักษณะที่เลือกปฏิบัติ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
     ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ จะรับเรื่องไว้ และจะเร่งประสานไปยังธนาคาร เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือคนพิการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา พบว่า ยังมีคนพิการจำนวนมากไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ โดยหลังจากนี้จะหารือกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร และท้องถิ่น เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือคนพิการให้สามารถเข้าถึงสิทธิต่างๆ ได้อย่างทั่วถึงและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างยั่งยืน
     ขณะที่นายมณเฑียร บุญตัน กล่าวถึงมาตรการการปรับสวัสดิการเบี้ยความพิการจาก เดือนละ 800 บาทต่อคนต่อเดือน เป็น 1,000 บาทต่อคนต่อเดือนว่า ขณะนี้ยังมีผู้พิการที่ไม่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าวกว่า 8 แสนคน เนื่องจากการปรับขึ้นให้เฉพาะคนพิการที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีเท่านั้น ทำให้คนพิการอีกกว่า 8 แสนคนไม่ได้รับสิทธิดังกล่าว และทำให้เสียสิทธิในการเข้าถึงการช่วยเหลือต่างๆ ส่งผลให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ด้วย