ภาพ - ข่าว
โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) แถลงผลการประชุมวิปวุฒิสภา
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 10.45 นาฬิกา ณ จุดแถลงข่าวสื่อมวลชน ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) แถลงผลการประชุมวิปวุฒิสภาว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมวุฒิสภา 1 วัน คือ วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 โดยมีระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญ จำนวน 2 เรื่อง คือ 1. การให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ตามมาตรา 12 วรรคแปด แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561) โดยศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด และคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้เสนอชื่อบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้วุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ จำนวน 5 คน ได้แก่ 1. นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 2. นายวิรุฬห์ แสงเทียน 3. นายจิรนิติ หะวานนท์ นายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ และ 5. นายนภดล เทพพิทักษ์ ซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ดำเนินการพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยที่ประชุมวุฒิสภาจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อดังกล่าว ด้วยการออกเสียงลงคะแนนลับ ทั้งนี้ ผู้ได้รับความเห็นชอบจะต้องได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา หรือจำนวน 125 คะแนน และ 2. ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยประธานกรรมการสรรหาฯ ได้พิจารณาดำเนินการสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 2 คน คือ แทนนายปรีชา เลิศกมลมาศ และนายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช. ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบ 70 ปี โดยผู้ได้รับการสรรหาได้รับคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของคณะกรรมการสรรหาฯ ได้แก่ 1. นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา อัยการอาวุโส สำนักอัยการสูงสุด และ 2. นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข อธิบดีผู้พิพากษา ศาลแพ่งมีนบุรี ดังนั้น คณะกรรมการสรรหาฯ จึงได้มีมติให้เสนอรายชื่อบุคคลดังกล่าวต่อวุฒิสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยที่ประชุมวุฒิสภาจะตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติฯ จำนวน 15 คน และกำหนดระยะเวลาการดำเนินการภายใน 60 วัน